tag:blogger.com,1999:blog-40091869369286790652024-03-05T12:25:35.662-08:00เครื่องดนตรีไทยmoobin25http://www.blogger.com/profile/11555289528801015715noreply@blogger.comBlogger4125tag:blogger.com,1999:blog-4009186936928679065.post-80192577057049243152011-09-29T01:28:00.000-07:002011-09-29T01:28:26.568-07:00อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์<strong>อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์</strong><br />
<br />
<center><script type="text/javascript">
<!--
google_ad_client = "pub-3549762756301754";
/* 300x250, created 9/4/11 */
google_ad_slot = "5162166343";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script></center><!-- /adman_adcode_beginning --><img alt="" class="alignleft size-full wp-image-181" height="174" src="http://www.thaibigbang.com/wp-content/uploads/2011/09/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C.jpg" title="อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์" width="264" />ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและเป็นยุคสารสนเทศ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็สะดวกสบายไปเสียหมด จะติดตามข่าวสารต่างๆ ก็สะดวกสบายขึ้น การติดต่อสื่อสารก็ง่ายขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ทุกอย่างนั้นสะดวกขึ้นเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งการทำงานของเราก็สะดวกขึ้น เพราะปัจจุบันนี้ ในการทำงานก็มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่เห็นง่ายๆ เลย ก็คือ การนำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการหรือหน่วยงานเอกชนล้วนแล้วแต่นำคอมพิวเตอร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานทั้งนั้น แล้วรู้กันหรือไหมว่า คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนั้นมีส่วนประกอบอะไรบ้าง และมีความสำคัญอย่างไร <strong>วันนี้เรามารู้จักกับคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ที่เราใช้งานกันอยู่ดีกว่า</strong><span id="more-180"></span><br />
<h2>อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์หลักๆ</h2>รู้กันมั้ยว่าส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์มีอะไรบ้าง คอมพิวเตอร์นั้นมีส่วนประกอบหลักๆ อยู่ 4 ส่วนด้วยกัน เริ่มจาก<br />
<strong>1. โปรเซสเซอร์ (Processor)</strong> นั่นก็คือหน่วยประผลกลางหรือที่รู้จักกันในนามของซีพียู (CPU) นั่นเอง หรือเรียกว่าซิป ซึ่งส่วนนี้มีความสำคัญมากที่สุดของฮาร์ดแวร์ เพราะว่ามีหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามา ซึ่งซีพียูนั้นมีรุ่นต่างๆ ออกมาวางขายตามท้องตลาดมากมาย ซึ่งแต่ละรุ่นก็ราคาแตกต่างกันออกไป<br />
<strong>2. หน่วยความจำ (Memory)</strong> หรือ RAM นั่นเอง ซึ่ง RAM นั้นเป็นหน่วยความจำหลักที่จำเป็นในการเก็บข้อมูลต่างๆ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าหน่วยความจำสำรองนั่นเอง ก็คือจะเก็บข้อมูลชั่วคราว ซึ่งหน่วยความจำแรมจะทำหน้าที่เก็บชุดคำสั่งและข้อมูลที่ระบบคอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่ด้วย<br />
<strong>3. ส่วนอินพุต/เอาต์พุต (Input/Output)</strong> ก็คืออุปกรณ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถสัมผัสและรับรู้สิ่งต่าง ๆ เช่น เครื่องอ่านบัตร คีย์บอร์ด เมาส์ สแกนเนอร์ และอุปกรณ์ Output ก็ได้แก่พวก เครื่องพิมพ์ จอภาพ<br />
<strong>4. สื่อจัดเก็บข้อมูล (Storage)</strong> นั่นก็คือสื่อที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูล เช่น ฮาร์ดดิสก์ ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล<br />
<h2>อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ส่วนอื่นๆ</h2>ต่อไปเรามารู้จักอุปกรณ์คอมพิวเตอร์กันอย่างละเอียดดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ก็จะประกอบไปด้วยดังนี้<br />
<h3>จอภาพ หรือ monitor</h3><img alt="" class="alignleft size-thumbnail wp-image-182" height="150" src="http://www.thaibigbang.com/wp-content/uploads/2011/09/%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E-%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD-monitor-150x150.jpg" title="จอภาพ หรือ monitor" width="150" /><strong>จอภาพ หรือ monitor</strong> เป็นอุปกรณ์การแสดงผลที่สำคัญที่สุด จะเป็นส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้โดยตรง เพราะเราสามารถมองเห็นข้อมูลที่ที่แสดงผลได้โดยผ่านจอภาพของเรา จอภาพของคอมพิวเตอร์มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือจอแบบซีอาร์ที และจอแบบแอลซีดี ซึ่งจอภาพ 2 แบบนี้มีลักษณะที่แตกต่างกันในเรื่องของรูปแบบ นั้นก็คือจอแบบซีอาร์ที (CRT) ส่วนใหญ่เป็นจอภาพที่นิยมใช้สำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มีขนาดใหญ่คล้ายโทรทัศน์ เมื่อก่อนได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่เมื่อจอภาพแบบแอลซีดี (LCD) เข้ามาแทน จอภาพแบบซีอาร์ทีก็เริ่มมีน้อยลงจนในปัจจุบันนี้เราแทบไม่เห็นร้านขายคอมพิวเตอร์มีจอแบบนี้วางขายอีกแล้ว ส่วนจอภาพแบบแอลซีดีนั้นมีทั้งแบบที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและในแบบของโน๊ตบุ๊ค เนื่องจากเป็นจอภาพที่มีขนาดรูปร่างที่บางทำให้สะดวกสำหรับการพกพาไปไหนมาไหน แต่จอภาพแบบแอลซีดีนี้ก็มีราคาที่แพงกว่าจอภาพแบบซีอาร์ที<br />
<h3>เคส (case)</h3><img alt="" class="alignleft size-full wp-image-183" height="128" src="http://www.thaibigbang.com/wp-content/uploads/2011/09/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%AA-case.jpg" title="เคส (case)" width="128" /><strong>เคส (case)</strong> คือ กล่องหรือโครงสร้างสำหรับเก็บประกอบอุปกรณ์ต่างๆ คอมพิวเตอร์ไว้ภายในนั้น ซึ่งขนาดของเคสก็จะแตกต่างกันออกไป แล้วแต่การใช้งานหรือความเหมาะสมในการใช้งานของแต่ละคนรวมทั้งสถานที่เก็บอุปกรณ์เหล่านั้นด้วยว่ามีขนาดพื้นที่มากน้อยเพียงใด และในตัวเคสก็จะมีในส่วนของพาวเวอร์ซัพพลายติดมาด้วย<br />
<h3>พาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply)</h3><strong><img alt="" class="alignleft size-thumbnail wp-image-184" height="135" src="http://www.thaibigbang.com/wp-content/uploads/2011/09/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%8B%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2-Power-Supply-150x150.jpg" title="พาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply)" width="135" />พาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply)</strong> เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับชิ้นส่วนอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ ซึ่งถ้าคอมพิวเตอร์มีอุปกรณ์ต่อพวงเยอะๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอมไดรฟ์ ดีวีดีไดรฟ์ก็ควรเลือกพาวเวอร์ซัพพลายที่มีจำนวนวัตต์สูง เพื่อให้สามารถ จ่ายกระแสไฟได้เพียงพอต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์<br />
<br />
<h3>คีย์บอร์ดหรือแป้นพิมพ์ (Keyboard)</h3><img alt="" class="alignleft size-thumbnail wp-image-185" height="150" src="http://www.thaibigbang.com/wp-content/uploads/2011/09/%E0%B8%84%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B9%8C-Keyboard-150x150.jpg" title="คีย์บอร์ดหรือแป้นพิมพ์ (Keyboard)" width="150" /><strong>คีย์บอร์ดหรือแป้นพิมพ์ (Keyboard)</strong> เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมี เนื่องจากตัวคีย์บอร์ดใช้สำหรับการพิมพ์หรือป้อมข้อมูลต่างลงไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ ในตัวคีย์บอร์ดจะมีทั้งที่เป็นตัวอักษรที่เป็นภาษาหลักของแต่ละประเทศรวมทั้งภาษาหลักอย่างภาษาอังกฤษอยู่ด้วย และยังมีข้อมูลทั้งตัวเลขและฟังก์ชันต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการใช้งานและอื่นๆ อีก เพื่อใช้สำหรับลงข้อมูลในตัวเครื่องของเรา โดยส่วนใหญ่แล้วคีย์บอร์ดมีลักษณะที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือมีลักษณะที่ใกล้เคียงกัน แต่ในปัจจุบันก็อาจมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป แล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ของคนออกแบบนั้นเอง<br />
<h3>ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk)</h3><img alt="" class="alignleft size-full wp-image-186" height="102" src="http://www.thaibigbang.com/wp-content/uploads/2011/09/%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B9%8C-Harddisk.jpg" title="ฮาร์ดดิกส์ (Harddisk)" width="120" /><strong>ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk)</strong> เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับบันทึกข้อมูลหรือเก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์ และเป็นอุปกรณ์ที่ติดมาพร้อมกันกับตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งตัวฮาร์ดดิสก์จะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมและมีแผงวงจรสำหรับควบคุมการทำงานอยู่ด้านล่างและช่องสำหรับเสียบสายไฟเลี้ยงและสายสัญญาณต่างๆ โดยที่ส่วนประกอบภายในจะปิดไว้อย่างมิดชิดเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น<br />
<h3>เมนบอร์ด (Main board)</h3><img alt="" class="alignleft size-thumbnail wp-image-187" height="150" src="http://www.thaibigbang.com/wp-content/uploads/2011/09/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94-Main-board-150x150.jpg" title="เมนบอร์ด (Main board)" width="150" /><strong>เมนบอร์ด (Main board)</strong> เป็นแผ่นวงจรไฟฟ้าแผ่นใหญ่ที่รวมเอาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญๆ ไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุม การทำงานของ อุปกรณ์ต่างๆ ภายในพีชีทั้งหมด<br />
<br />
<br />
<h3>ซีพียู (CPU)</h3><img alt="" class="alignleft size-thumbnail wp-image-188" height="150" src="http://www.thaibigbang.com/wp-content/uploads/2011/09/%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%B9-CPU-150x150.jpg" title="ซีพียู (CPU)" width="150" /><strong>ซีพียู (CPU)</strong> มีหน้าที่ในการประมวลผลหรือเรียกว่าโปรเซสเซอร์หรือชิป เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากเนื่องจากมีหน้าที่ในการประมวลผลจากการป้อนข้อมูลลงไป<br />
<br />
<br />
<h3>การ์ดแสดงผล (Display Card)</h3><strong><img alt="" class="alignleft size-thumbnail wp-image-189" height="148" src="http://www.thaibigbang.com/wp-content/uploads/2011/09/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%A5-Display-Card-150x148.jpg" title="การ์ดแสดงผล (Display Card)" width="150" />การ์ดแสดงผล (Display Card)</strong> หลักการทำงานพื้นฐานของการ์ดแสดงผลจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อโปรแกรมต่างๆ ส่งข้อมูลมาประมวลผลที่ ซีพียูเมื่อซีพียูประมวลผล เสร็จแล้ว ก็จะส่งข้อมูลที่จะนำมาแสดงผลบนจอภาพมาที่การ์ดแสดงผล จากนั้น การ์ดแสดงผล ก็จะส่งข้อมูลนี้มาที่จอภาพ ตามข้อมูลที่ได้รับมา การ์ดแสดงผลรุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาส่วนใหญ่ ก็จะมีวงจร ในการเร่งความเร็วการแสดงผลภาพสามมิติ และมีหน่วยความจำมาให้มากพอสมควร<br />
โดยที่การ์ดบางรุ่นสามารถประมวลผลได้ในตัวการ์ด ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระการประมวลผลให้ซีพียู จึงทำให้การทำงานของคอมพิวเตอร์นั้นเร็วขึ้นด้วย ซึ่งตัวการ์ดแสดงผลนั้นจะมีหน่วยความจำในตัวของมันเอง ถ้าตัวการ์ดมีหน่วยความจำมาก ก็จะรับข้อมูลจากซีพียูได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การแสดงผลบนจอภาพมีความเร็วสูงขึ้นด้วย<br />
<h3>เมาส์ (Mouse)</h3><strong><img alt="" class="alignleft size-full wp-image-190" height="82" src="http://www.thaibigbang.com/wp-content/uploads/2011/09/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%8C-Mouse.jpg" title="เมาส์ (Mouse)" width="123" />เมาส์ (Mouse)</strong> จะเป็นอุปกรณ์ที่ให้ความรู้สึกที่ดีต่อการใช้งาน ช่วยให้การใช้งานง่ายขึ้นด้วยการใช้เมาส์เลื่อนตัวชี้ไปยังตำแหน่งต่าง ๆ บนจอภาพ หรือเรียกง่ายๆ ว่าตัวชี้ตำแหน่งนั่นเอง ในขณะที่สายตาจับอยู่ที่จอภาพก็สามารถใช้มือลากเมาส์ไปมาได้ ระยะทางและทิศตจะสัมพันธ์และเป็นไปในแนวทางเดียวกับการเลื่อนเมาส์<br />
เมาส์แบ่งได้เป็นสองแบบคือ แบบทางกลและแบบใช้แสง แบบทางกลเป็นแบบที่ใช้ลูกกลิ้งกลม ที่มีน้ำหนักและแรงเสียดทานพอดี เมื่อเลื่อนเมาส์ไปในทิศทางใดจะทำให้ลูกกลิ้งเคลื่อนไปมาในทิศทางนั้น แต่ในปัจจุบันเมาส์แบบลูกกลิ้งไม่ค่อยนิยมนำมาใช้กันแล้ว<br />
<h3>แรม (RAM)</h3><strong><img alt="" class="alignleft size-thumbnail wp-image-191" height="150" src="http://www.thaibigbang.com/wp-content/uploads/2011/09/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1-RAM-150x150.jpg" title="แรม (RAM)" width="150" />แรม (RAM)</strong> เป็นหน่วยความจำของระบบ มีหน้าที่รับข้อมูลเพื่อส่งไปให้ CPU ประมวลผล แรมเป็นหน่วยความจำหลักของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะเก็บข้อมูลเมื่อมีกระแสไฟหล่อเลี้ยงเท่านั้น โดยถ้าเกิดไฟฟ้ากระพริบหรือดับ ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในหน่วยความจำจะหายไปทันที<br />
<br />
<h3>CD Drive / DVD Drive / CD-RW Drive / DVD-RW Drive</h3><strong><img alt="" class="alignleft size-thumbnail wp-image-192" height="150" src="http://www.thaibigbang.com/wp-content/uploads/2011/09/CD-Drive-DVD-Drive-CD-RW-Drive-DVD-RW-Drive-150x150.jpg" title="CD Drive , DVD Drive , CD-RW Drive , DVD-RW Drive" width="150" />CD Drive / DVD Drive / CD-RW Drive / DVD-RW Drive</strong> เป็นไดรฟ์ สำหรับอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีรอม หรือดีวีดีรอม ซึ่งถ้าหากต้องการบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นจะต้องใช้ไดรฟ์ที่สามารถเขียนแผ่นได้<br />
เมื่อไดรฟ์ซีดีรอมเริ่มทำงานมอเตอร์จะเริ่มหมุนด้วยความเร็ว หลายค่า ทั้งนี้เพื่อให้อัตราเร็วในการอ่านข้อมูลจากซีดีรอมคงที่สม่ำเสมอทุกเซ็กเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นเซ็กเตอร์ ที่อยู่รอบนอกหรือวงในก็ตาม จากนั้นแสงเลเซอร์จะฉายลงซีดีรอม โดยลำแสงจะถูกโฟกัสด้วยเลนส์ที่เคลื่อนตำแหน่งได้ โดยการทำงานของขดลวด ลำแสงเลเซอร์จะทะลุผ่านไปที่ซีดีรอมแล้วถูกสะท้อนกลับ<br />
<h3>CD-ROM / DVD-ROM</h3><img alt="" class="alignleft size-full wp-image-193" height="88" src="http://www.thaibigbang.com/wp-content/uploads/2011/09/CD-ROM-DVD-ROM.jpg" title="CD-ROM , DVD-ROM" width="88" />การทำงานของ <strong>CD-ROM / DVD-ROM</strong> ภายในซีดีรอม หรือดีวีดีรอมจะแบ่งเป็นแทร็กและเซ็กเตอร์เหมือนกับแผ่นดิสก์ แต่เซ็กเตอร์ในซีดีรอม หรือดีวีดีรอมจะมีขนาดเท่ากัน ทุกเซ็กเตอร์ ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้น<br />
<br />
<h2>สรุปเรื่องอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์</h2>เราจะเห็นว่าส่วนประกอบหรืออุปกรณ์หลักๆ ของคอมพิวเตอร์นั้นแต่ละส่วนก็มีความแตกต่างกันไป และวิธีการดูแลรักษาก็แตกต่างกันออกไป ฉะนั้นเมื่อเราใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ก็ควรศึกษารายละเอียดต่างๆ ให้รอบคอบ การใช้งานอย่างถูกวิธีก็จะช่วยให้อุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้อยู่กับเราไปนานแสนนานเลยทีเดียว<br />
ส่วนใครที่พอจะมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง ก็ควรที่จะถอดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มาเช็ดถู เป็นการทำความสะอาดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของเราเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ก็ไม่ควรทำเด็ดขาดเพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายและเกิดความเสียหายได้moobin25http://www.blogger.com/profile/11555289528801015715noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4009186936928679065.post-22947383781647894442011-09-29T01:26:00.001-07:002011-09-29T01:26:02.767-07:00องค์ประกอบคอมพิวเตอร์moobin25http://www.blogger.com/profile/11555289528801015715noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4009186936928679065.post-45909387589169542972011-09-29T01:24:00.000-07:002011-09-29T01:24:08.492-07:00ดนตรีสากล<img alt="" class="mypic" src="http://www.blogger.com/images/member/iblog_default.jpg" width="50" /> <br />
<div class="contentlist_head"><div class="contentlist_postname">omike say hi</div><div class="delete_e"><a alt="" class="edit_content" href="http://www.blogger.com/post-create.g?blogID=4009186936928679065#edit_id=3939&do=show_post_content&content_id=3939" jquery1233217579044="26" tooltiptext="แก้ไขเนื้อหา" topacity="1"><span>แก้ไข</span></a></div><div class="delete_b"><a alt="" class="delete_content" href="http://www.blogger.com/post-create.g?blogID=4009186936928679065#id=3939&do=delete_content&content_id=3939" jquery1233217579044="27" tooltiptext="ลบเนื้อหา" topacity="1"><span>ลบ</span></a></div><div class="title clear"><a class="linktitle" href="http://www.blogger.com/omike/3939">องค์ประกอบของ ดนตรีสากล</a></div></div><div class="detail clear resizeimgbox"><span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> ดนตรีเป็นศิลปะของเสียงที่เกิดจากความพากเพียรของมนุษย์ในการสร้างเสียงให้อยู่ในระเบียบของจังหวะ ทำนอง สีสันของเสียงและคีตลักษณ์ </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"><strong>องค์ประกอบของดนตรีสากล</strong><br />
ดนตรีไม่ว่าจะเป็นของชาติใด ภาษาใด ล้วนมีพื้นฐานมาจากส่วนต่างๆ เหล่านี้ทั้งสิ้น ความแตกต่างในรายละเอียดของแต่ละส่วนแต่ละวัฒนธรรมนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่การที่จะแตกต่างกันอย่างไรนั้น กรอบวัฒนธรรมของแต่ละสังคมจะเป็นปัจจัยที่กำหนดในตรงตามรสนิยมของแต่ละวัฒนธรรมจนเป็นผลให้สามารถแยกแยะดนตรีของชาติหนึ่งแตกต่างจากดนตรีของอีกชาติหนึ่งอย่างไร </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> องค์ประกอบของดนตรีสากล ประกอบด้วย </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"><strong>1. เสียง (Tone)</strong> </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> คีตกวีผู้สร้างสรรค์ดนตรี เป็นผู้ใช้เสียงในการสร้างสรรค์ผลิตงานศิลปะเพื่อรับใช้สังคม ผู้สร้างสรรค์ดนตรีสามารถสร้างเสียงที่หลากหลายโดยอาศัยวิธีการผลิตเสียงเป็นปัจจัยกำหนด เช่น การดีด การสี การตี การเป่า </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> เสียงเกิดจากการสั่นสะเทือนของอากาศที่เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ส่วนเสียงอึกทึกหรือเสียงรบกวน (Noise) เกิดจากการสั่นสะเทือนของอากาศที่ไม่สม่ำเสมอ ลักษณะความแตกต่างของเสียงขึ้นอยู่กบคุณสมบัติสำคัญ 4ประการ คือ ระดับเสียง ความยาวของเสียง ความเข้มของเสียง และคุณภาพของเสียง </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> <strong>1.1 ระดับเสียง (Pitch)</strong> หมายถึง ระดับความสูง-ต่ำของเสียง ซึ่งเกิดการจำนวนความถี่ของการสั่นสะเทือน กล่าวคือ ถ้าเสียงที่มีความถี่สูง ลักษณะการสั่นสะเทือนเร็ว จะส่งผลให้มีระดับเสียงสูง แต่ถ้าหากเสียงมีความถี่ต่ำ ลักษณะการสั่นสะเทือนช้าจะส่งผลให้มีระดับเสียงต่ำ </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> <strong> 1.2 ความสั้น-ยาวของเสียง (Duration)</strong> หมายถึง คุณสมบัติที่เกี่ยวกับความยาว-สั้นของเสียง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งของการกำหนดลีลา จังหวะ ในดนตรีตะวันตก การกำหนดความสั้น-ยาวของเสียง สามารถแสดงให้เห็นได้จากลักษณะของตัวโน้ต เช่น โน้ตตัวกลม ตัวขาว และตัวดำ เป็นต้น สำหรับในดนตรีไทยนั้น แต่เดิมมิได้ใช้ระบบการบันทักโน้ตเป็นหลัก แต่ย่างไรก็ตาม การสร้างความยาว-สั้นของเสียงอาจสังเกตได้จากลีลาการกรอระนาดเอก ฆ้องวง ในกรณีของซออาจแสดงออกมาในลักษณะของการลากคันชักยาวๆ </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> <strong> 1.3 ความเข้มของเสียง (Intensity)</strong> ความเข้มของสียงเกี่ยวข้องกับน้ำหนักของความหนักเบาของเสียง ความเข้มของเสียงจะเป็นคุณสมบัติที่ก่อประโยชน์ในการเกื้อหนุนเสียงให้มีลีลาจังหวะที่สมบูรณ์ </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> <strong>1.4 คุณภาพของเสียง (Quality)</strong> เกิดจากคุณภาพของแหล่งกำเนิดเสียงที่แตกต่างกัน ปัจจัยที่ทำให้คุณภาพของเสียงเกิดความแตกต่างกันนั้น เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น วิธีการผลิตเสียง รูปทรงของแหล่งกำเนิดเสียง และวัสดุที่ใช้ทำแหล่งกำเนิดเสียง ปัจจัยเหล่านี้ก่อให้เกิดลักษณะคุณภาพของเสียง ซึ่งเป็นหลักสำคัญให้ผู้ฟังสามารถแยกแยะสีสันของสียง (Tone Color) ระหว่างเครื่องดนตรีเครื่องหนึ่งกับเครื่องหนึ่งได้อย่างชัดเจน </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"><strong>2. พื้นฐานจังหวะ (Element of Time)</strong> </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> จังหวะเป็นศิลปะของการจัดระเบียบเสียง ที่เกี่ยวข้องกับความช้าเร็ว ความหนักเบาและความสั้น-ยาว องค์ประกอบเหล่านี้ หากนำมาร้อยเรียง ปะติดปะต่อเข้าด้วยกันตามหลักวิชาการเชิงดนตรีแล้ว สามารถที่จะสร้างสรรค์ให้เกิดลีลาจังหวะอันหลากหลาย ในเชิงจิตวิทยา อิทธิพลของจังหวะที่มีผลต่อผู้ฟังจะปรากฏพบในลักษณะของการตอบสนองเชิงกายภาพ เช่น ฟังเพลงแล้วแสดงอาการกระดิกนิ้ว ปรบมือร่วมไปด้วย </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"><strong>3. ทำนอง (Melody)</strong> </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> ทำนองเป็นการจัดระเบียบของเสียงที่เกี่ยวข้องกับความสูง-ต่ำ ความสั้น-ยาว และความดัง-เบา คุณสมบัติเหล่านี้เมื่อนำมาปฏิบัติอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานของความช้า-เร็ว จะเป็นองค์ประกอบของดนตรีที่ผู้ฟังสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายที่สุด </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> ในเชิงจิตวิทยา ทำนองจะกระตุ้นผู้ฟังในส่วนของสติปัญญา ทำนองจะมีส่วนสำคัญในการสร้างความประทับใจ จดจำ และแยกแยะความแตกต่างระหว่างเพลงหนึ่งกับอีกเพลงหนึ่ง </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"><strong>4. พื้นผิวของเสียง (Texture)</strong> </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> “พื้นผิว” เป็นคำที่ใช้อยู่ทั่วไปในวิชาการด้านวิจิตรศิลป์ หมายถึง ลักษณะพื้นผิวของสิ่งต่างๆ เช่น พื้นผิวของวัสดุที่มีลักษณะขรุขระ หรือเกลี้ยงเกลา ซึ่งอาจจะทำจากวัสดุที่ต่างกัน </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> ในเชิงดนตรีนั้น “พื้นผิว” หมายถึง ลักษณะหรือรูปแบบของเสียงทั้งที่ประสานสัมพันธ์และไม่ประสานสัมพันธ์ โดยอาจจะเป็นการนำเสียงมาบรรเลงซ้อนกันหรือพร้อมกัน ซึ่งอาจพบทั้งในแนวตั้งและแนวนอน ตามกระบวนการประพันธ์เพลง ผลรวมของเสียงหรือแนวทั้งหมดเหล่านั้น จัดเป็นพื้นผิวตามนัยของดนตรีทั้งสิ้น ลักษณะรูปแบบพื้นผิวของเสียงมีอยู่หลายรูปแบบ ดังนี้ </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> <strong>4.1 Monophonic Texture</strong> </span><span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียงที่มีแนวทำนองเดียว ไม่มีเสียงประสาน พื้นผิวเสียงในลักษณะนี้ถือเป็นรูปแบบการใช้แนวเสียงของดนตรีในยุคแรกๆ ของดนตรีในทุกวัฒนธรรม </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> <strong> 4.2 Polyphonic Texture</strong> </span><span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียงที่ประกอบด้วยแนวทำนองตั้งแต่สองแนวทำนองขึ้นไป โดยแต่ละแนวมีความเด่นและเป็นอิสระจากกัน ในขณะที่ทุกแนวสามารถประสานกลมกลืนไปด้วยกัน </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> ลักษณะแนวเสียงประสานในรูปของ Polyphonic Texture มีวิวัฒนาการมาจากเพลงชานท์ (Chant) ซึ่งมีพื้นผิวเสียงในลักษณะของเพลงทำนองเดียว (Monophonic Texture) ภายหลังได้มีการเพิ่มแนวขับร้องเข้าไปอีกหนึ่งแนว แนวที่เพิ่มเข้าไปใหม่นี้จะใช้ระยะขั้นคู่ 4 และคู่ 5 และดำเนินไปในทางเดียวกับเพลงชานท์เดิม การดำเนินทำนองในลักษณะนี้เรียกว่า “ออร์กานุ่ม” (Orgonum) นับได้ว่าเป็นยุคเริ่มต้นของการประสานเสียงแบบ Polyphonic Texture หลังจากคริสต์ศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมา แนวทำนองประเภทนี้ได้มีการพัฒนาก้าวหน้าไปมาก ซึ่งเป็นระยะเวลาที่การสอดทำนอง (Counterpoint) ได้เข้าไปมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในการตกแต่งพื้นผิวของแนวทำนองแบบ Polyphonic Texture </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> <strong> 4.3 Homophonic Texture</strong> </span><span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียง ที่ประสานด้วยแนวทำนองแนวเดียว โดยมี กลุ่มเสียง (Chords) ทำหน้าที่สนับสนุนในคีตนิพนธ์ประเภทนี้ แนวทำนองมักจะเคลื่อนที่ในระดับเสียงสูงที่สุดในบรรดากลุ่มเสียงด้วยกัน ในบางโอกาสแนวทำนองอาจจะเคลื่อนที่ในระดับเสียงต่ำได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าคีตนิพนธ์ประเภทนี้จะมีแนวทำนองที่เด่นเพียงทำนองเดียวก็ตาม แต่กลุ่มเสียง (Chords) ที่ทำหน้าที่สนับสนุนนั้น มีความสำคัญที่ไม่น้อยไปกว่าแนวทำนอง การเคลื่อนที่ของแนวทำนองจะเคลื่อนไปในแนวนอน ในขณะที่กลุ่มเสียงสนับสนุนจะเคลื่อนไปในแนวตั้ง </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> <strong> 4.4 Heterophonic Texture</strong> </span><span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> เป็นรูปแบบของแนวเสียงที่มีทำนองหลายทำนอง แต่ละแนวมีความสำคัญเท่ากันทุกแนว คำว่า Heteros เป็นภาษากรีก หมายถึงแตกต่างหลากหลาย ลักษณะการผสมผสานของแนวทำนองในลักษณะนี้ เป็นรูปแบบการประสานเสียง </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"><strong>5. สีสันของเสียง (Tone Color)</strong> </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> “สีสันของเสียง” หมายถึง คุณลักษณะของเสียงที่กำเนิดจากแหล่งเสียงที่แตกต่างกัน แหล่งกำเนิดเสียงดังกล่าว เป็นได้ทั้งที่เป็นเสียงร้องของมนุษย์และเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ ความแตกต่างของเสียงร้องมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างเพศชายกับเพศหญิง หรือระหว่างเพศเดียวกัน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีพื้นฐานของการแตกต่างทางด้านสรีระ เช่น หลอดเสียงและกล่องเสียง เป็นต้น </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดนตรีนั้น ความหลากหลายด้านสีสันของเสียง ประกอบด้วยปัจจัยที่แตกต่างกันหลายประการ เช่น วิธีการบรรเลง วัสดุที่ใช้ทำเครื่องดนตรี รวมทั้งรูปทรง และขนาด ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลโดยตรงต่อสีสันของเสียงเครื่องดนตรี ทำให้เกิดคุณลักษณะของเสียงที่แตกต่างกันออกไป </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> <strong>5.1 วิธีการบรรเลง</strong> </span><span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> อาศัยวิธีดีด สี ตี และเป่า วิธีการผลิตเสียงดังกล่าวล้วนเป็นปัจจัยให้เครื่องดนตรีมีคุณลักษณะของเสียงที่ต่างกัน </span><br />
<br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> <strong>5.2 วัสดุที่ใช้ทำเครื่องดนตรี</strong> </span><span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> วัสดุที่ใช้ทำเครื่องดนตรีของแต่ละวัฒนธรรมจะแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมของสังคมและยุคสมัย วัสดุที่ใช้ทำเครื่องดนตรีที่แตกต่างกัน นับเป็นปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่ง ที่ส่งผลให้เกิดความแตกต่างในด้านสีสันของเสียง </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> <strong>5.3 ขนาดและรูปทรง</strong> </span><span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> ลักษณะของเครื่องดนตรีที่มีรูปทรงและขนาดที่แตกต่างกัน จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความแตกต่างกันในด้านสีสันของเสียงในลักษณะที่มีความสัมพันธ์กัน </span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"><strong>6. คีตลักษณ์ (Forms)</strong> </span><span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"> คีตลักษณ์หรือรูปแบบของเพลง เปรียบเสมือนกรอบที่หลอมรวมเอาจังหวะ ทำนอง พื้นผิว และสีสันของเสียงให้เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน เพลงที่มีขนาดสั้น-ยาว วนกลับไปมา ล้วนเป็นสาระสำคัญของคีตลักษณ์ทั้งสิ้น</span></div>moobin25http://www.blogger.com/profile/11555289528801015715noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4009186936928679065.post-32205313919744431162011-09-29T01:21:00.000-07:002011-09-29T01:21:55.620-07:00เครื่องเป่า<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg_e_X8N3aJwT9QXuYRbIlsJfr-gRIWJzrgom0jRZwmUTZ-i6wEl_aOW0q6usW0Q6b_u_7-dufem4hS_UdGY_J0JTHSX6ExmUFkjleDS7G98Q2sDT9VIn4CH2ruwEzwuLAz7fwgZ3Gmxns/s1600/img50.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="127" id="il_fi" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg_e_X8N3aJwT9QXuYRbIlsJfr-gRIWJzrgom0jRZwmUTZ-i6wEl_aOW0q6usW0Q6b_u_7-dufem4hS_UdGY_J0JTHSX6ExmUFkjleDS7G98Q2sDT9VIn4CH2ruwEzwuLAz7fwgZ3Gmxns/s200/img50.jpg" style="padding-bottom: 8px; padding-right: 8px; padding-top: 8px;" width="200" /></a></div><h1 class="firstHeading" id="firstHeading" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ปี่</span></h1><div id="bodyContent"><div id="siteSub"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี</strong></span></div><div id="contentSub"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong></strong></span></div><div id="jump-to-nav"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>ไปที่: </strong></span><a href="http://www.blogger.com/post-create.g?blogID=4009186936928679065#mw-head"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>ป้ายบอกทาง</strong></span></a><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>, </strong></span><a href="http://www.blogger.com/post-create.g?blogID=4009186936928679065#p-search"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>ค้นหา</strong></span></a><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong> </strong></span></div><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>ปี่ เป็น</strong></span><a href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2" title="เครื่องดนตรีไทย"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>เครื่องดนตรีไทย</strong></span></a><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong> ทำด้วยไม้จริงเช่นไม้ชิงชันหรือไม้พยุง กลึงให้เป็นรูปบานหัวบานท้าย ตรงกลางป่อง เจาะภายในให้กลวงตลอดเลา ทางหัวของปี่เป็นช่องรูเล็กส่วนทาง ปลายของปี่ ปากรูใหญ่ใช้ชันหรือวัสดุอย่างอื่นมาหล่อเสริมขึ้นอีกราวข้างละ ครึ่งซม ส่วนหัวเรียก <i>ทวนบน</i> ส่วนท้ายเรียก <i>ทวนล่าง</i> ตอนกลางของปี่ เจาะรูนิ้วสำหรับเปลี่ยนเสียงลงมาจำนวน 6 รู แต่สามารถเป่าได้เสียงตรง 24 เสียง กับเสียงควงหรือเสียงแทนอีก 8 เสียง รวมเป็น 32 เสียง รูตอนบนเจาะเรียงลงมา 4 รู เว้นระยะห่างเล็กน้อย เจาะรูล่างอีก 2 รู ตรงกลางของเลาปี่ กลึงขวั้นเป็นเกลียวคู่ไว้เป็นจำนวน 14 คู่ เพื่อความสวยงามและกันลื่นอีกด้วย ตรงทวนบนนั้นใส่ลิ้นปี่ที่ทำด้วยใบตาลซ้อนกัน 4 ชั้น ตัดให้กลมแล้วนำไปผูกติดกับท่อลมเล็กๆที่ เรียกว่า <i>กำพวด</i> เรียวยาวประมาณ 5 ซม. กำพวดนี้ทำด้วย</strong></span><a href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87" title="ทองเหลือง"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>ทองเหลือง</strong></span></a><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong> </strong></span><a href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99_(%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%AB%E0%B8%B0)" title="เงิน (โลหะ)"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>เงิน</strong></span></a><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong> </strong></span><a href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81" title="นาก"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>นาก</strong></span></a><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong> หรือโลหะอย่างอื่นวิธีผูกเชือกเพื่อ ให้ใบตาลติดกับกำพวดนั้น ใช้วิธีผูกที่เรียกว่า <i>ผูกตะกรุดเบ็ด</i> ส่วนของกำพวดที่จะต้องสอดเข้าไปเลาปี่นั้นเขาใช้ถักหรือเคียน ด้วยเส้นด้าย สอดเข้าไปในเลาปี่ให้พอมิดที่พันด้ายจะทำให้เกิดความแน่นกระชับยิ่งขึ้น</strong></span><br />
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>ปี่ของไทยจัดได้เป็น 3 ชนิด ได้แก่</strong></span><br />
<ol><li><a href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%81" title="ปี่นอก"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>ปี่นอก</strong></span></a><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong> มีขนาดเล็ก ยาวประมาณ 31 ซม. กว้าง 3.5 ซม. เป็นปี่ที่ใช้กันมาแต่เดิม เสียงของปี่นอกจะมีเสียงที่เล็กแหลม</strong></span></li>
<li><a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87" title="ปี่กลาง"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>ปี่กลาง</strong></span></a><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong> มีขนาดกลาง ยาวประมาณ 37 ซม. กว้างประมาณ 4 ซม. สำหรับเล่นประกอบการแสดงหนังใหญ่ มีสำเนียงเสียงอยู่ระหว่าง ปี่นอก กับปี่ใน เสียงของปี่กลางจะ ไม่แหลมหรือว่าต่ำเกินไปแต่จะอยู่ในระดับปานกลาง</strong></span></li>
<li><a href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%99" title="ปี่ใน"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>ปี่ใน</strong></span></a><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong> มีขนาดใหญ่ มีความยาวประมาณ 41 – 42 ซม. กว้างประมาณ 4.5 ซม. เป็นปี่ที่</strong></span><a href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B8%B5" title="พระอภัยมณี"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>พระอภัยมณี</strong></span></a><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>ใช้สำหรับเป่าให้</strong></span><a class="new" href="http://www.blogger.com/w/index.php?title=%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%A3&action=edit&redlink=1" title="นางผีเสื้อสมุทร (หน้านี้ไม่มี)"><span style="color: #ba0000; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>นางผีเสื้อสมุทร</strong></span></a><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong> (ใน</strong></span><a href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1" title="วรรณกรรม"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>วรรณกรรม</strong></span></a><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>ของ</strong></span><a href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B9%88" title="สุนทรภู่"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>สุนทรภู่</strong></span></a><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>) ขาดใจตายนั่นเอง โดยเสียงของปีในจะเป็นเสียงที่ต่ำ และเสียงใหญ่</strong></span></li>
</ol></div>moobin25http://www.blogger.com/profile/11555289528801015715noreply@blogger.com0